เส้นทางสายอาชีพ ของ เคนนี โรเจอส์

ช่วงเริ่มต้น

เขาเริ่มต้นสู่การเป็นนักดนตรีในช่วงกลางยุค 50 เมื่อครั้งที่เขาได้อัดเพลง กับ วงดนตรีร็อค นามว่า "The Scholars" ซึ่งมีซิงเกิ้ลที่ประสบความสำเร็จคือ "Poor Little Doggie" วงนี้ต้องแยกวงหลังจากออกซิงเกิ้ลได้อีก 2 เพลง เพราะโรเจอส์ ออกจากการเป็นนักร้องนำ หลังจากแยกวง เขาก็ได้ออกซิงเกิ้ลเดี่ยวของตัวเอง คือเพลง "That Crazy Feeling" ในปี 1958 ที่ประสบความสำเร็จมาก

หลังจากยอดขายเริ่มลดลง โรเจอส์ ได้เข้าร่วมกับวงแจ๊ซ นามว่า "The Bobby Doyle Trio" ซึ่งเล่นดนตรีตามคลับต่างๆมากมาย และยังได้อัดเพลงกับ Columbia Records อีกด้วย วงนี้แยกวงในปี 1965 หลังจากนั้นในปี 1966 โรเจอส์ ได้ปล่อยซิงเกิ้ล แจ๊ส-ร็อค ภายใต้ Mercury Records ชื่อว่า "Here's That Rainy Day" แต่ไม่ประสบความสำเร็จโรเจอส์ ยังได้ทำงาน ในฐานะโปรดิวซ์เซอร์เพลง นักแต่งเพลง และนักดนตรีให้ศิลปินอื่นด้วย เช่น Mickey Gilley และ Eddy Arnold ในปี 1966 เขาเข้าร่วมกับวง "The New Christy Minstrels" ในฐานะนักร้องและ นักเล่น ดับเบิลเบส

ด้วยความที่การเป็นนักดนตรีในวงนั้น ไม่ประสบความสำเร็จดั่งที่พวกเขาหวัง โรเจอส์ และ สมาชิกวง "ไมค์ เซทเทิ่ล,เทอรี วิลเลียม,เทลม่า คามาโช จึงออกจากวง และมาตั้งวงใหม่ในชื่อ The First Edition ในปี 1967 (ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น "เคนนี โรเจอส์แอนด์เดอะเฟิรส์อิดิชั่น") พวกเขามีเพลงดัง ที่ขึ้นติดชาร์ตได้ทั้งป้อปและคันทรี

เช่น"Just Dropped In (To See What My Condition Was In)", "But You Know I Love You","Ruby, Don't Take Your Love to Town","Reuben James", and "Something's Burning"โรเจอส์ มีภาพลักษณ์ที่คล้าย ฮิปปี้ เช่นไว้ผมยาว มีตุ้มหู และ แว่นกันแดดสีชมพู ในช่วงที่เขายังอยู่กับวงนี้

หลังจากแยกวงในปี 1976 โรเจอส์ก็เริ่มต้นการเป็นศิลปินเดี่ยว โรเจอส์ได้ปรับเสียงร้องให้ต่ำลงมา แม้จะค่อนข้างหยาบเล็กน้อยแต่ไพเราะละมุน ซึ่งเป็นที่ถูกใจของผู้ฟังเพลงป้อปและคันทรี่ปัจจุบัน เขามีเพลงขึ้นชารต์ที่สูงกว่าอันดับ 60 ถึง 40 ซิงเกิ้ลฮิต (รวมทั้ง 25 เพลงที่ขึ้นถึงอันดับ 1) และ 50 อัลบั้ม เพลงของเขายังรวมอยู่ในซาว์แทร็คของหนังดังหลายเรื่อง เช่น Convoy,Urban Cowbay และ The Big Lebowski [8] [9]

การเป็นศิลปินเดี่ยว

โรเจอส์ปลีกตัวเองออกจากเดอะเฟิรส์อิดิชั่นในปี 1976 หลังจากอยู่รวมกันมาหลายปี และได้เซ็นสัญญากับ United Artists โปรดิวซ์เซอร์ แลร์รี่ บัตเลอร์ และ โรเจอส์ เริ่มรู้จักกันและเป็นเพื่อนร่วมงานนานกว่า 4 ปี [10] อัลบั้มแรกของของ จากต้นสังกัดใหม่ คือ Love Lifted Me อัลบั้มมีซิงเกิ้ลติดชาร์ต ทั้งหมด 2 เพลง คือ "Love Lifted Me" และ "While The Feeling's Good" ซึ่งประสบความสำเร็จเพียงเล็กน้อย เพลง "Runnaway Girl" ถูกนำไปใช้เป็นเพลงประกอบหนังเรื่อง Trackdown ต่อมาในปี 1976 โรเจอส์ ได้ออกอัลบั้มที่ 2 ของเขา ซึ่งมีชื่อเดียวกับตัวเขา มีซิงเกิ้ลแรกคือเพลง Laura What He's Got That I Ain't Got? ซึ่งถือว่าเป็นเพลงฮิตอีกเพลงหนึ่ง

ซิงเกิ้ล Lucille ในปี 1977 นั้น ถือเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ เพลงนี้สามารถขึ้นถึงอันดับ 1 ในชาร์ตเพลงป้อปในทั้ง 12 ประเทศ มียอดขายมากกว่า 5 ล้านก้อปปี้ และทำให้โรเจอร์โด่งดังกว่าช่วงที่อยู่กับวงเดอะเฟิรส์อิดิชั่น ด้วยความโด่งดังของ "Lucille" ทำให้อัลบั้มนี้ขึ้นอับดับ 1 ในชาร์ตอัลบั้มเพลงคันทรีได้ ความสำเร็จที่มากกว่าต่อมาคือ อัลบั้ม The Gambler ที่มียอดขายกว่าหลายล้านชุด และซิงเกิ้ลอันดับ 1 ทั่วโลก Coward of the County จากอัลบั้ม "Kenny"ที่ได้รับความสำเร็จพอๆกัน ในปี 1980 โรเจอส์และบัตเลอร์ ไม่ได้ร่วมงานกันต่อไป แต่ก็กลับมาร่วมงานกันอีกในอัลบั้ม "I Prefer the Moonlight" ปี 1987 และ อีกครั้งในอัลบั้ม "If Only My Heart Had a Voice" ในปี 1993

ในปลายยุค 70 โรเจอส์ ร่วมกันทำอัลบั้มคู่กับ Dottie West เพื่อนสนิทตำนานเพลงคันทรี อัลบั้มคู่ของทั้ง2นั้น มียอดขายถึงหลัก โกลด์ 2 ชุด (หลังจากนั้นอีก1ชุดก็แตะหลักเพลทตินั่ม) รวมทั้งยังได้ รางวัล CMA Awards 2 ตัว เข้าชิง ACM (Academy of Country Music) และ 2 รางวัลแกรมมี กับอีก 1 Music City News Awards สำหรับอัลบั้ม Every Time Two Fools Collide (อันดับ 1) และ Classics (อันดับ 3) เป็นช่วงที่บัตรคอนเสริต์ทัวร์ขายออกหมดตลอดและพวกเขาก็ได้ออกรายโทรทัศน์บ่อยๆเช่นเดียวกัน

เพลงฮิตของทั้งคู่ได้แก่ Every Time Two Fools Collide (อันดับ1) ,Anyone Who Isn't Me Tonight (อันดับ2) ,What Are We Doin' in Love (อันดับ1) ,All I Ever Need Is You (อันดับ1) ,Till I Can Make It On My Own (อันดับ3) ทั้งหมดนี้ล้วนกลายเป็นเพลงคันทรีพื้นฐานไปแล้ว โรเจอส์ กล่าวถึง เวสท์ ในการสัมภาษณ์กับ TNN ว่า "เธอเป็นคนที่พิเศษกว่าใครที่เคยร่วมงานมา เธอถ่ายถอดอารมณ์เพลงออกมาได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ผู้คนมากมายร้องออกมาจากตัวอักษร แต่ ดอทตี้ เวสท์ เธอร้องออกมาจากความรู้สึก"ในช่วงที่วางขายอัลบั้ม Every Time Two Fools Collide ปี 1978 นั้น โรเจอส์ กล่าวว่า เวสท์ เป็นคนทำให้เขาเข้ากับผู้ฟังเพลงคันทรีได้มากขึ้น ในขณะเดียวกัน เวสท์ ก็กล่าวว่าเขาทำให้เธอได้ฐานผู้ฟังหน้าใหม่เพิ่มขึ้น โรเจอส์ อยู่กับเวสท์ไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่เธอจะเสียชีวิต ด้วยวัย 58 ปี หลังจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ในปี 1991 เขาได้กล่าวเพิ่มเติมในหนังสือชีวประวัติของเขา Luck Or Something Like It ในปี 2012 "ในปี 1995 เขาร่วมแสดงคู่กับ Michele Lee ในสารคดีชีวประวัติ ของ CBS ชื่อ Big Dreams and Broken Hearts: The Dottie West Story

หลังยุค 90

การแสดง

ประวัติการสมรส

  • Wanda Miller, 1 มิถุนายน,ปีคศ. 1997 – ปัจจุบัน; บุตร 2 คน
  • Marianne Gordon, 1 ตุลาคม,ปีคศ. 1977 – 1993, หย่าร้าง; บุตร 1 คน
  • Margo Anderson, เดือนตุลาคม ปีคศ. 1964 – 1976, หย่าร้าง; บุตร 1 คน
  • Jean Rogers, เดือนตุลาคม ปีคศ. 1960 – 1963, หย่าร้าง
  • Janice Gordon, 15 พฤษภาคม,ปีคศ. 1958 - เดือน เมษายน ปีค.ศ. 1960, หย่าร้าง; บุตร 1 คน

แหล่งที่มา

WikiPedia: เคนนี โรเจอส์ http://countrymusic.about.com/library/blkrogersfac... http://countrymusic.about.com/library/top200albums... http://www.allmusic.com/artist/kenny-rogers-mn0000... http://www.allmusic.com/artist/kenny-rogers-mn0000... http://www.amazon.com/The-Big-Lebowski-Original-So... http://www.amazon.com/Urban-Cowboy-Original-Pictur... http://www.billboard.com/articles/columns/the-615/... http://www.cmt.com/artists/kenny-rogers/biography/ http://www.cmt.com/news/country-music/1622170/acm-... http://www.imdb.com/name/nm0737006/